บทที่ 4 คนไม่มีสิทธิ์

“คุณคะ...” กระถินเรียกอีกครั้ง พร้อมกับแตะมือลงที่แขนคนบนรถเบา ๆ ร่างบางที่นั่งเหม่ออยู่บนท้ายรถกระบะสะดุ้งสุดตัว     ตากลมโตหันมามองหน้ากระถิน ก่อนจะกะพริบถี่ ๆ เพื่อไล่เรียงเรื่องราว เขมจิรามองหน้าผู้หญิงที่ยืนเกาแก้มที่กำลังส่งยิ้มให้เธอ    ก่อนจะเอ่ยถามอะไรบางอย่าง

“ที่นี่ที่ไหน” เสียงหวานใสเอ่ยถามอย่างร้อนรน จนคนฟังยังนึกสงสัย ตกลงลุงเข้มไปเก็บเธอคนนี้มาจากไหน เธอถึงได้ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน

“เชียงรายจ้ะ”

“อ่อ เอ่อ... คือฉัน... ฉันชื่อเขมจิรานะ เธอเคยเห็นหน้าฉันไหม”

เขมจิราเอ่ยถาม

“อ๋อ... นึกออกแล้ว! นางแบบ... คุณเป็นนางแบบนั่นเอง มิน่า  หนูถึงได้รู้สึกคุ้นหน้าคุณ” กระถินร้องออกมาสุดเสียง รู้สึกตื่นเต้นเมื่อ    รู้ว่าคนที่นั่งหัวฟูอยู่บนรถคือนางแบบชื่อดัง

“แล้วคุณมากับลุงได้ไงคะ” กระถินถามต่อเพราะยังสงสัยไม่หาย

“ฉันมาหาเพื่อนน่ะ พอดีเกิดอุบัติเหตุ ลุงเธอเลยช่วยฉันไว้       เธอรู้จักไร่แสงตะวันไหม เพื่อนฉันอยู่ที่นั่น”

“รู้จักค่ะ คุณจะให้หนูไปส่งเหรอคะ” กระถินถามพร้อมกับมอง รถกระบะของภาคิน เธอขับรถกระบะยังไม่เก่ง แล้วจะไปส่งคุณนางแบบได้อย่างไร

“ขอยืมมือถือได้ไหม หรือไม่เธอก็โทร. ให้ฉัน ฉันเป็นเพื่อนกับลลนา ภรรยาเจ้าของไร่น่ะ”

“อ้อ...ได้ค่ะ ๆ”

กระถินรับคำ ก่อนจะวิ่งกลับไปเอามือถือในบ้าน ยังตื่นเต้น      ไม่หายเมื่ออยู่ ๆ ก็มีนางแบบดังมาเยือนกลางดึก

กระถินจัดการต่อสายโทรศัพท์ให้เธอ ก่อนจะเชิญแขกให้เข้าไปนั่งรอในบ้านเพราะบริเวณนี้ยุงชุม ไม่นานรถของไร่แสงตะวันก็มาถึง ทันทีที่เขมจิราเห็นหน้าลลนา ทั้งสองก็วิ่งเข้าไปสวมกอดกัน ลลนาดีใจที่เขมจิราปลอดภัย เพราะเธอเห็นข่าวของเพื่อนแล้ว สภาพรถที่ไหม้      ทั้งคัน แต่เพื่อนรอดมาได้ ไม่รู้จะขอบคุณอะไรก่อนดี

“ขิม... แกรู้ไหมว่าฉันห่วงแกมากแค่ไหน โชคดีนะที่แกไม่เป็นอะไร ขอบใจน้องมากนะที่ช่วยเพื่อนพี่เอาไว้” ลลนาพูดกับเขมจิรา   ก่อนจะหันไปขอบใจกระถิน

“คือจริง ๆ หนูไม่ได้...” คำพูดกระถินยังค้างอยู่ในลำคอ เมื่อ

เขมจิราขัดขึ้น เธอไม่อยากให้เด็กนี่พูดถึงผู้ชายบ้าบอคนนั้นอีก

“ถ้าไม่ได้น้องฉันคงแย่ ขอบใจอีกครั้งนะคะน้อง”

“เอ่อ...ค่ะ” กระถินรับคำ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปด้านนอก ที่แท้เธอก็เป็นเพื่อนกับเมียพ่อเลี้ยงเผ่าเพชร เพื่อนรักของคุณหมอกนั่นเองไม่นานลลนาก็พาเขมจิรากลับไร่ โดยไม่ลืมขอบใจกระถินอีกครั้ง

“ได้หน้าเลยเรา ขอบใจนะลุง ที่เก็บนางแบบมาฝาก” หญิงสาวพูดขำ ๆ เมื่อเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน เมื่อแขกพากันกลับไปแล้ว

“ขิม... ตกลงแกจะไม่เล่าอะไรให้ฉันฟังใช่ไหม” ลลนา  ถอนหายใจอีกครั้ง เมื่อเพื่อนเอาแต่นั่งเงียบ

“ขอฉันอยู่คนเดียวได้ไหม” เขมจิราหันมาบอกเพื่อนด้วยสายตาขอร้อง เธออยากอยู่คนเดียว อยากคิดทบทวนอะไรบางอย่าง

“แล้วเรื่องรถแกจะเอาไง ข่าวมันออกไปแล้วนะ ให้ป้าไก่แถลงข่าวไหม”

“ไม่ต้องหรอก ปล่อยให้คนเข้าใจว่าฉันตายไปเลยก็ดี” เขมจิราตอบอย่างหมดอาลัยตายอยาก

“ขิม... โตแล้วนะไม่ใช่เด็ก ๆ มีสมองก็หัดเอามาคิดบ้าง มันคุ้มกันไหมกับเรื่องที่เกิดขึ้น ถ้าแกตายจริง ๆ แกคิดว่าไอ้บอยมันจะสำนึกไหม ดีไม่ดีมันเอาสาวไปกกบนคอนโดฯ ที่ซื้อไว้ด้วยกันอีก งามไส้     เลยนะ” ถึงแม้จะรู้ว่าเพื่อนกำลังเสียใจ แต่ลลนาก็อยากให้เพื่อนมีสติ เขมจิราคนที่เธอรู้จัก ไม่ใช่คนที่อ่อนแอแบบนี้

“ฉันรู้ ขอบใจนะที่เตือนสติ พรุ่งนี้ฉันจะให้ป้าไก่แถลงข่าว ฉันขออยู่ที่นี่สักพักนะ”

“แกจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหนก็ได้ ไว้รอให้แกสบายใจ แล้วค่อยกลับ โชคดีนะขิมที่รอดมาได้ ว่าแต่แกไปอยู่บ้านกระถินได้ไง น้องเป็นคนช่วยแกเหรอ”

“อืม... เขาช่วยฉันไว้” พูดจบร่างบางก็ล้มตัวลงนอน เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคนที่ช่วยเธอหน้าตาเป็นยังไง ปล่อยให้ลลนาเข้าใจแบบนี้     ดีแล้ว

“นอนพักนะ ฉันไม่กวนแกแล้ว ถ้าแกเหงาหรืออยากคุย แกเรียกฉันนะ ฉันมานอนกับแกได้”

“ขอบใจนะปอ ฉันอยู่ได้ แกกลับไปดูแลลูก ๆ เถอะ ขอบใจแกมากนะ ฉันฝากขอบคุณพี่เผ่าด้วย”

เขมจิราบอก เธอไม่อยากรบกวนลลนาอีก แค่เพื่อนช่วยเรื่องที่พักก็มากพอแล้ว

“อืม... อย่าคิดมากนะ” ลลนาบอกก่อนจะเดินออกไป ใจหนึ่งก็อดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้

“ผู้ชายเฮงซวย!”

หญิงสาวก่นด่า เมื่อภาพคนรักลอยกลับเข้ามาอีกครั้ง น้ำตาพากันไหลลงมาเป็นสาย ทั้ง ๆ ที่บอกตัวเองให้เข้มแข็ง แต่สุดท้ายเธอก็ต้านทานความเจ็บปวดไม่ไหว

“ร้องออกมาขิม ร้องออกมาให้หมด พรุ่งนี้แกจะต้องไม่ร้องอีกนะ” บอกกับตัวเองเมื่อนอนกอดตัวเองร้องไห้ เพิ่งรู้วันนี้นี่เองว่าทำไมแขนถึงยาว เพราะเวลาที่ไม่มีใครกอด ก็เอาแขนนี่แหละไว้กอดตัวเอง

กระถินตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน        ร่างบางเดินลงมาจากชั้นบน ก่อนจะมองไปที่รถกระบะคันใหญ่ที่จอดอยู่หน้าบ้าน ตากลมโตมองนาฬิกาฝาผนังแล้วส่ายหัวไปมา เช้าแบบนี้ภาคินน่าจะยังไม่ตื่น เธอคงต้องเดินไปทำงานสินะ

หญิงสาวเดินออกจากบ้าน เมื่อแน่ใจว่าภาคินคงยังไม่เอารถ    มาคืน โชคดีที่ที่ทำงานกับบ้านไม่ไกลกันเท่าไร ถือว่าเดินออกกำลังกายก็แล้วกัน หญิงสาวบอกตัวเองเมื่อเดินไปตามทาง

สินธรมองคนที่เดินอยู่ข้างถนนเพียงนิด ก่อนจะขับรถเลยผ่านไป ถึงแม้จะบอกตัวเองว่าอย่าไปสนใจ แต่เขากลับจำได้แม่นว่าผู้หญิง     คนนั้นคือกระถิน คนงานในไร่ที่ครั้งหนึ่งเคยก่อเรื่องให้เขากับภรรยาบาดหมางกันหลายปี ถึงแม้เรื่องราวจะผ่านมานานแต่เขากลับไม่มีวันลืม โชคดีแค่ไหนที่เขาได้ภรรยากับลูกคืนมา เพราะการกระทำที่สิ้นคิดของเธอวันนั้น ทำให้เขาทรมานเกือบตาย

“คูมพ่อขา มีคนเดินตรงนั้นด้วยค่า” เด็กน้อยร้องบอกพร้อมกับหันไปดู จนใบหน้าจิ้มลิ้มแนบไปกับกระจกรถ

“คูมพ่อขา มีคนเดินค่ะ” ร้องเตือนอีกครั้งเมื่อคนเป็นพ่อไม่ยอมจอดรถ

“ครับลูก พ่อเห็นแล้ว” สินธรตอบลูกสาว เมื่อลำธารเอ่ยบอกเขาอีกครั้งตามประสาเด็ก เพราะปกติเขามักจะรับคนที่เดินข้างทางขึ้นรถมาด้วยเสมอ

“ไม่จอดเหรอคะ” เด็กหญิงภัทรธิดาหันมาถาม ทำให้คนเป็นพ่อถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะอธิบายให้ลูกสาวตัวน้อยฟัง

“เขาเป็นคนแปลกหน้า พ่อไม่รู้จักเขาครับ เรารับเขาขึ้นรถไม่ได้ เผื่อเขาเป็นคนร้าย”

ตากลมโตกะพริบตาถี่ ๆ เมื่อฟังคนเป็นพ่อพูดจบ สินธรรู้ว่า      ลูกสาวของเขายังเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจเรื่องแบบนี้ แต่ครั้งนี้เขายอมเป็นคนใจร้าย เพราะแผลเป็นที่เด็กกระถินสร้างไว้ ทำให้เขากลัวไปจนวันตาย เขาจะขออยู่ห่างจากเธอให้ไกลที่สุด

กระถินมองตามรถกระบะคันใหญ่ที่ขับผ่านไปด้วยหัวใจที่ปวดร้าว ทั้งสีและป้ายทะเบียนเธอจำมันได้ขึ้นใจ

“คุณหมอกใจร้าย”

ก่นด่าชายหนุ่มในใจ ก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตา เวลาก็ผ่านมานานขนาดนี้ สินธรยังใจดำกับเธออีกหรือ

“กระบะหลัง กระถินก็ไม่มีสิทธิ์ได้นั่งใช่ไหมคะ” พูดกับตัวเอง เมื่อมองตามรถคันนั้นไปจนลับตา

บทก่อนหน้า
บทถัดไป